วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Journey to the toilet in China 3 ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน 3

Journey to the toilet in China 3
ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน 3

เรื่องนี้เขียนขึ้นเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่จะไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีน จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ. ภาพและเนื้อหาบางอย่างเป็นเรื่องไม่น่าอภิรมย์ ผู้ที่ขวัญอ่อน อ่อนไหวในเรื่องนี้โปรดพิจารณาก่อนอ่านชม ภาพบางภาพอาจมีการปรับแต่งลดสีเพื่อความเหมาะสม
 

นึกไม่ถึงว่าชีวิตของคุณยายของผมมีอะไรบางอย่างคล้ายกับหนังเรื่อง The Joy Luck Club ที่ผมเคยดูแล้วร้องไห้เมื่อสิบกว่าปีก่อน คุณยายมีเหตุจำเป็นต้องทิ้งลูกและไม่มีโอกาสกลับเมืองจีนบ้านเกิด ต้องฝากความรักและความหวังให้ลูกสาวกลับไปเยี่ยมแทน แบบเดียวกับในหนังเลย

"โห....นี่ขนาดยุคปัจจุบันยังนั่งรถมานานขนาดนี้ สมัยแปดสิบปีก่อนนี่ไม่มีรถต้องถือว่า หวั่วม่านี่แต่งงานไกลบ้านจริงๆ"

ผมเริ่มบ่นขณะนั่งรถรับจ้างเดินทางไปยังหมู่บ้าน โผวเล้งเจี่ยเจี้ยว ซึ่งหวั่วม่า(คุณยาย)แต่งงานมาอยู่กับสามีที่นี่ สามีคนแรกซึ่งเป็นพ่อของตั่วกู๋(ลุง/พี่ชายคนโตของแม่) หลังแต่งงานหวั่วม่าก็มีลูกชายสามคน บ้านยากจนมาก วันนั้นตรงกับเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง หวั่วม่าทำบ๊ะจ่างแต่เป็นข้าวเหนียวเปล่าๆไม่มีไส้ เพราะยากจน ไม่อุดมไส้แบบบ้านเรายุคปัจจุบันที่ใส่สารพัดจนบ๊ะจ่างแทบแตก วันนั้นพ่อของตั่วกู๋เหนื่อยผสมกับความหิวจัดจาการทำงานบนเขา กลับมาถึงบ้านก็รีบกินบ๊ะจ่างอัดเข้าท้อง ไม่นานก็อึดอัด และเสียชีวิต

ผู้หญิงคนเดียวต้องขึ้นเขาไปรับจ้างแบกเกลือเลี้ยงลูก กระนั้นก็แร้นแค้นมาก ลูกๆไม่มีข้าวจะกิน ในที่สุดหวั่วม่าก็ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต หอบลูกชายคนโต(ตั่วกู๋) อายุ 6 ขวบ และลูกชายคนรอง 4 ขวบ ไปประเทศไทย ส่วนลูกชายคนเล็กนั้นเด็กมากเอาไปฝากที่บ้านน้องสามีและน้องสะใภ้ที่เมืองจีนเลี้ยง

อาหวั่วม่าไม่รู้เลยว่า การจากลูกคนเล็กครั้งนั้นจะเป็นการจากลาชั่วชีวิต ! และยิ่งไม่รู้เลยว่าจะเป็นการจากลาบ้านเกิดอย่างที่ไม่มีวันได้หวนกลับ



การตามรอยไปบ้านหวั่วม่าหลังแต่งงาน ก็ไม่ต่างกับบ้านเกิด ต้องเดินสถานเดียว รถเข้าไม่ถึง



ยิ่งเดินยิ่งแคบ



มาถึงแล้ว "อะไรกัน? อย่างกับห้องแถว!"

ที่เห็นมีสองประตูน่ะ อยู่กันสองครอบครัว ประตูด้านขวาหวั่วม่าอยู่กับสามี(พ่อตั่วกู๋) ส่วนด้านซ้ายเป็นน้องสามีกับน้องสะใภ้ เอ.....เรียกถูกหรือเปล่า ภรรยาของน้องสามี



ประตูไม้เก่าๆถูกใส่กลอน เลยถ่ายรูปลอดรูไม้แตก แลเห็นเป็นห้องแคบ มีชั้นสองเป็นพื้นไม้เก่าๆ ดูดูแล้ว น่าจะยากจนกว่าบ้านเกิดหวั่วม่าเสียอีก และแน่นอน ไม่มีห้องน้ำ!

บ้านหลังนี้เองที่เป็นบ้านเกิดของตั่วกู๋ แม้ตั่วกู๋จากมาตั้งแต่หกขวบ ปัจจุบันอายุเจ็ดสิบกว่าแล้วแต่ก็ยังจำบ่อน้ำนี้ได้



บ่อน้ำนี้เป็นตาน้ำ ระดับน้ำในบ่อจะสูงกว่าระดับน้ำในคลองเสมอ ตอนเด็กๆตั่วกู๋วิ่งเล่นกับน้อง บ้านยากจนไม่มีอะไรจะกิน ก็กินน้ำในบ่อ กับ ใช่โป๊วที่หวั่วม่าทิ้งไว้ให้ลูกกิน ก่อนออกไปรับจ้างแบกเกลือบนภูเขา ปัจจุบันนี้ตั่วกู๋จะขยาดใช่โป๊วมาก เพราะเอียนฝังใจมาตั้งแต่เด็ก

..............."แล้วน้องคนเล็ก ที่หวั่วม่าฝากน้องสามีเลี้ยงล่ะอยู่ไหน?"

หวั่วม่าเสียชีวิตก่อนที่ผมจะเกิด ผมจึงไม่มีโอกาสเห็นหน้า พูดคุย สัมผัสนิสัยใจคอ แต่การกลับมาตามรอยในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ที่เมืองจีนนั้นทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึก จิตวิญญาณ ความปวดร้าวที่ต้องจากบ้านเกิดและลาจากลูกที่ยังเล็ก ในหนังเรื่อง The Joyluck Club ที่ว่าเศร้าแล้ว แต่ของหวั่วม่านั้นเศร้ากว่า เพราะในหนังตอนท้ายพบว่าลูกที่ทิ้งไว้ริมถนน....ไม่ตาย แต่หวั่วม่าทิ้งลูกไว้กับญาติสนิท ลูกกลับตาย มีคนจากเมืองจีนมาเล่าให้หวั่วม่าฟังว่า เด็กร้องคิดถึงแม่ตลอดเวลา ร้องไห้จนป่วย ไม่มีใครพาไปหาหมอ ปล่อยให้ตาย

น้องสะใภ้ไม่แจ้งข่าวเลย หวั่วม่าก็ส่งเงินกลับเมืองจีนให้ตลอด โดยไม่รู้ว่าลูกตายแล้ว

ตอนจบของหนัง The Joyluck Club ก็คล้ายๆกัน แต่ของหวั่วม่าก็เศร้ากว่าอีกตรงที่ หวั่วม่ายากจนกว่าและพยายามเก็บเงินมาทั้งชีวิตเพื่อโอกาสได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดซักครั้ง พอเก็บเงินได้ก็มาล้มป่วย ก่อนตายได้ฝากความหวังไว้ที่ลูกสาว ในที่สุดอาม้าแม้จะเกิดที่เมืองไทยแต่กลับมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของแม่ให้ได้



ภาพชนบทของ โผ้วเล้ง ที่น่าจะแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากตอนที่หวั่วม่าจากมา


เพื่อไม่ให้เศร้าเกินไป และตอนนี้ไม่มีภาพห้องน้ำให้ดู เลยขออนุญาตโพส Link Youtube รวบรวมห้องน้ำน่าสยองจากเมืองจีน ที่เพื่อนตัวแสบอุตส่าห์หามาให้ ภาพและเสียงค่อนข้างทารุณ พิจารณาก่อนชมด้วยครับ











บทความตอนที่แล้ว


Ek Feng Shui: Journey to the toilet in China 2 ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน 2


Ek Feng Shui: Journey to the toilet in China part 1ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน ตอนที่ 1





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น