วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ขีดเขียนบนรูปด้วย iPad Write on the photo





เก้าอี้สูงสง่าตัวนี้. เกิดขึ้นอย่างเร่งรีบ ไม่เคยมีแบบ Detail drawing อย่างละเอียดแบบที่ควรปฏิบัติกัน เกิดจากการเขียนร่างแบบคร่าวๆ เขียนขนาดโดยรวมแล้วให้ช่างรีบขึ้นงานมาด้วยหวังจะให้ทันตั้งเปิดร้านสปาแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ทัน แต่ด้วยสัดส่วนที่สวย ดูอลังการดี จึงมีลูกค้าท่านหนึ่งชอบ เก้าอี้ตัวนี้ที่ตั้งใจเก็บไว้เป็นต้นแบบ จึงต้องเกิดปฏิบัติการแกะขนาดขึ้น เพิ่มสร้างตัวใหม่ให้ใกล้ต้นแบบที่สุด

ถ้าเป็นสมัยก่อนถ่ายรูปเสร็จ ก็ต้องขีดเขียนทรงเก้าอี้หยาบๆบนกระดาษ เขียนขนาดแบบคร่าวๆ แล้วค่อยกลับเข้า office พิมพ์รูปแล้วเขียนสวยงามอีกที แต่ตอนนี้มี iPad เป็นสมุนข้างกายแล้วต้องใช้ให้คุ้มหน่อย.

จะใช้โปรแกรมชั้นเทพแบบ sketchbook pro หรือ ArtStudio งานนี้เห็นจะไม่เหมาะ ด้วยต้องการเขียนเร็วๆ ซ้ำยังต้องเขียนลงหลายรูป พวกโปรแกรมเทพสองโปรแกรมนั่นเขียนได้ที่ละแผ่น เป็น layer สวยงาม แต่ตอนนี้เราไม่ต้องการเช่นนั้น

Neu.Annotate PDF น่าจะเหมาะที่สุดเพราะเขียนบน PDF ได้หลายแผ่น เสร็จแล้วก็ Email ทั้งเล่มหรือจะเลือก Email เป็นรายแผ่นก็ได้. Save รูปไปที่ photo album. ได้อีก


แต่ต้องเอารูปหลายรูปมาเย็บเล่มเป็น PDF ก่อนด้วยโปรแกรม PDF Reader Pro แล้วจึงเปิดใน Neu.Annotate PDF ที่นี้ก็ลุยเขียนได้ในไม่ช้าก็ส่ง Email ให้ทีมงานในไม่กี่นาที
























Posted using BlogPress from my iPad

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

Return of hand sketch design on iPad การกลับมาของงานสเก็ตช์มือ

นึกย้อนไปสิบกว่าปี สมัยนั้นมีคอมพิวเตอร์ก็จริงแต่ยังไม่รุ่งเรือง การออกแบบ present ต้องเขียนมือสถานเดียว วิชา sketch design ของงานตกแต่งภายในถือว่าเป็นวิชาเอก ชี้เป็นชี้ตายเลยทีเดียว สมัยนั้นต้อง hand sketch ลงบนกระดาษ A2.บ้าง A1 บ้าง นึกไม่ถึงว่าปัจจุบันการ present การเขียนแบบ จะใช้คอมพิวเตอร์กันหมดแล้ว สะดวก สวยงาม แต่ขาดวิญญาณ ลองนึกถึงสมัยก่อนเทียบระหว่างการเขียนจดหมายด้วยมือ กับการพิมพ์คอมส่งไปสิ วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก ต่างกันแค่ไหน ไม่แปลกใจเลย ที่เครือโรงแรมระดับ. Top 3 ของโลกแม้จะมาจากประเทศฝรั่งต้นกำเนิดการ present คอมพิวเตอร์นั่นแหละ แต่เขากลับกำหนดมาเลยว่า ภาพ perspective ที่จะเสนองานโรงแรมเขาต้องเขียน ลงสีด้วยมือเท่านั้น

แต่แล้วการเขียนหน้าจอได้ของ iPad ทำให้ผมได้กลิ่นการกลับมาของงาน Hand sketch อีกครั้ง



















- Posted using BlogPress from my iPad

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

SketchBook Pro VS Art Studio คู่ที่กินกันไม่ลง










ตัวอย่างงาน Sketch Design จากโปรแกรม ArtStudio. ที่ดูเหมือนผมจะเทใจให้ชนะเลิศ ดีที่สุดในบรรดาโปรแกรม. sketch สำหรับชาว interior decorator เพราะเครื่องไม้เครื่องมือที่ครบครันที่สุด. ไม่ว่าจะเป็นการลงสี plan เครื่องมือในการ selection. ที่ครบแบบไม่ต้องง้อ photoshop ในคอมตั้งโต๊ะเลย.

เรื่องการลงสี plan. นั้นต้องให้เครดิตคุณ "พิเรน" เพื่อนวงการเดียวกับผมที่ตัดใจใส่ซิมใน iPad ในบทความก่อน (http://ekfengshui.blogspot.com/2011/01/cut-sim-for-ipad-ipad_5946.html) โดยทักการลงสี plan ของผมว่า ไม่ละเอียด ไปทับเส้นผนังได้ยังไง. ผมว่าจะเอาอะไรมากมายกับโปรแกรมเล็กๆ ใน iPad ลงสีได้ก็ดีแล้ว คุณพิเรนไม่ยอมและเขาก็เป็นผู้หาคำสั่ง selection เฉพาะผนังเส้นทึบสีดำใน layout plan furniture ได้ (เรื่องนี้จะกล่าวอีกทีในบทต่อๆไป)

เรื่องนี้ทำให้ผมสรุปได้เลยว่าจบแล้ว โปรแกรม ArtStudio ชนะเลิศแน่ๆ หากชาว interior มาถามคงต้องให้ใช้โปรแกรมนี้แบบไม่ต้องคิด

แต่ SketchBook Pro นั้นมาจากค่ายยักษ์ Autodesk จะแพ้สู้ไม่ได้เลยจริงๆหรือ

เมื่อมีคนมาถาม จะแนะนำให้ใช้. ArtStudio. ได้เต็มปากหรือเปล่า

คำตอบคือ. "ไม่" เพราะ



ภาพงานจาก SketchBook

Photobucket Pictures, Images and Photos

ต้องยอมรับว่า SketchBook ออกแบบโปรแกรมให้ใช้ได้ง่ายกว่า สวยงามกว่า คำสั่งพื้นฐานจำเป็นที่ใช้บ่อย ทำได้ง่ายกว่า การจัดการรูปภาพเบื้องต้นทำได้ดี ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการ import รูป การหมุนภาพ ย่อภาพ กลับภาพ. ดังนั้นถ้าชาว interior ที่ไม่ได้เรื่องมาก อยากใช้คำสั่งที่ลึกซึ้งแบบคุณพิเรนแล้วละก็ SketchBook Pro น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่าสำหรับการแนะนำให้เพื่อนใช้. เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าคนที่มีหัวศิลปินมากๆน่ะ พวกคำนวณ คำสั่งซับซ้อนไม่ถนัดอยู่แล้ว. แค่เห็นโลโก้ และรูปภาพตัวอย่างก่อนเข้าโปรแกรม ชาวศิลป์ก็จะประทับใจ SketchBook. มากกว่าแน่เพราะสวยมีสไตล์กว่า

- Posted using BlogPress from my iPad

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

Cut the sim for ipad เมื่อคุณ"พิเรน"ตัดใจตัดซิมใส่ iPad

หลังจากซิม truemove ที่แถมมาพร้อมกับตอนซื้อ iPad หมดลง ก็ถึงคราวที่คุณพิเรน(นามสมมติ)เจ้าพ่อ Sketch up ผู้ก่อตั้ง blog sketch up Thailand ต้องเสียเงินซื้อซิมเอง จึงโทรหาผมซึ่งปัจจุบันกลายเป็นที่ปรึกษาจำเป็นด้าน iPad สำหรับเพื่อนฝูงและญาติที่พากันซื้อ iPad มาหลายคน แต่ใช้กันไม่ค่อยเป็น. ผมจึงแนะนำให้ซื้อซิม iec3g. ซึ่ง
น่าจะถูกและคุ้มที่สุดในขณะนี้ (4 jan.2011) เพราะใช้โครงข่าย 3G ของ TOT และราคาเพียง 99 บาท ใช้ได้ 2,000 MB. นับว่าถูกกว่า sim i mobile และ sim Mojo จากค่าย J Mart ไม่ต้องพูดถึง Truemove ที่แพงกว่าหลายเท่า และยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่ายยักษ์สองค่าย Ais & Dtac ที่ทั้งแพงและไร้ 3g ซักพักพิเรนก็โทรมาอีกว่าถามคนขายที่ร้านบริสเทลแล้วเขาว่าซิมใส่ iPad ไม่ได้ ซิมไว้ใส่แอร์การ์ด ผมพลิกตัวจากการนอนคว่ำขณะนอนนวดไทยรับสายแล้วเอ็ดไปว่า

"คนขายจะไปรู้เรื่องอะไร ซื้อมาก่อนแล้วกัน แล้วจะสอนตัดซิมใส่ให้"

เป็นไปตามคาด พิเรน กลับถึงบ้านก็ไม่กล้าตัดซิมเพราะเมื่อถอดซิม Truemove เดิมออกจาก iPad กะจะมาทาบกับซิม. IEC 3G เพื่อตัดให้ได้ขนาด micro sim. ก็พบว่า ชิพทองเหลืองตรงกลางมีขนาดไม่เท่ากัน จะทาบตัดจากด้านไหนดี?











ภาพจาก Email ที่พิเรนส่งมาให้ดูว่า Micro sim ของ True นั้นขนาดเล็กกว่าทั้งกรอบนอกและชิพทองเหลืองด้านใน จะให้ตัดยังไง







ตอนนั้นผมอยู่ที่ห้างพารากอน พอหาม้านั่งได้ก็ถ่ายรูปต้นฉบับ micro sim ที่มีขนาดชิพทองเหลืองขนาดใหญ่แบบเดียวกับ Sim IEC 3G ส่ง Email ไปให้พิเรนเดี๋ยวนั้นเลย
ดังรูปบนจะเห็นว่า ต้องเริ่มจากสองด้านที่อยู่ตรงข้ามกับมุมหัก สองด้านนี้ต้องตัดให้ใกล้ชิพทองเหลืองที่สุด ไม่ต้องวัดให้ตาเหล่ เพราะความที่มันเหลือขอบน้อยมากใช้สายตาคะเนให้ห่างซัก 1-2 มิลลิเมตร จะเผื่อหน่อยก็ได้เพราะเราสามารถใช้ตะไบที่ติดมากับที่ตัดเล็บตะไบปรับแต่งภายหลังได้ เมื่อได้สองข้างนี้แล้วก็ง่ายล่ะ เพราะสามารถเอา micro sim ทาบตัดด้านที่เหลือได้เลย ไม่ต้องเครียดตัดให้พอดีเป๊ะๆก็ได้ เพราะเราสามารถใช้ตะไบตัดเล็บหรือกระดาษทรายปรับแต่งภายหลังได้ จนลงร่องที่ใส่ sim iPad ก็เป็นอันสำเร็จ

เปิดเครื่อง ถ้ามีสัญญาณคลื่นและคำว่า TOT3G ที่มุมซ้ายบน iPad ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว

อ้อ อย่าลืมไปที่ ตั้งค่า APN ว่า internet ในข้อมูลมือถือด้วย ดังรูป







วิบากกรรมของพิเรนยังไม่จบ รุ่งขึ้นเขาโทรหาผม ว่ายังเข้า net ไม่ได้ ถามไปก็ได้ความว่าที่มุมซ้ายขึ้นข้อความว่า no service แสดงว่าบ้านของพิเรนอยู่ชานเมือง บ้านนอกมากเกินไป เพราะโครงข่ายของ TOT. แม้จะบอกว่ามีในกรุงเทพและปริมณฑลแต่เอาเข้าจริงแม้บ้านพิเรนจะอยู่ในเขตสายไหมกรุงเทพ ก็ใช้ไม่ได้แล้ว ผมจึงให้พิเรนลองออกไปข้างนอก

สองสามชั่วโมงเขาโทรมาอีกว่ายังไม่ได้ แม้อยู่ในห้างแฟชั่นไอร์แลนด์แล้ว ผมให้เขาปิด wifi ก็ยังไม่ได้
ให้ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ก็ยังไม่ได้ ที่มุมซ้ายบนก็ขึ้นสัญญาณ TOT. 3G แล้วแสดงว่าซิมไม่เสีย เลยลองให้โทรไปที่ call centerสงสัยอาจต้องเปิดเบอร์ก่อน.

พิเรนไม่โทรมาอีก แต่ผมเริ่มนั่งไม่ติดเพราะดันไปเสนอหน้าแนะนำเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเขาให้ถึงที่สุด เลยต้องโทรไปถามความคืบหน้าเอง พบว่ายังใช้ไม่ได้ call center IEC 3G ไม่รู้เรื่อง ขนาดเข้าไปที่ istudio ที่ซึ่งพิเรนซื้อเครื่อง iPad มาเขาก็ว่าตั้งค่าไม่ได้ พร้อมทั้งย้อน พิเรน มาว่าทำไมไม่ใช้ของ True. ล่ะ ผมเลยต้องให้พิเรนแวะมาหาผมที่ office ผมจะลองตั้งค่าดู

สุดท้ายพอลองถอดซิมออกแล้วใส่เข้าไปใหม่ก็ใช้ได้. เฮ้อ รอดตัวไปพิเรนไม่ต้องสูญเงิน 99 บาทไปฟรีๆ
- Posted using BlogPress from my iPad

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

ท่องไปตามห้องน้ำสาธาระณะ ตอน 3 Fabric Toilet VS Hardcore Toilet

ภาค 3 ยังอยู่แถวสวนผึ้ง เริ่มจากห้องน้ำอ่อนโยน ผ้าลายดอก





เข้าห้องน้ำที่ ร้านอาหาร Cucina La Toscana Resort อ้าวผ้าลายดอกกุหลาบผืนเดียวกับที่ "Swiss Valley HIP Resort" ไม่รู้ว่าใครลอกใคร






ที่น่าสนใจคือ ที่กั้นโถฉี่ ขึงด้วยผ้าครับ ทำธุระต้องระวังกระเด็นหน่อย







พอเปิดน้ำล้างมือ พบว่าเป็น สายน้ำก๊อกน้ำ ที่เรียวเล็กที่สุด......อืมๆ พอกับสายน้ำที่เพิ่งปล่อยลงโถเลย





ต่อมาไปที่บ้านเทียนหอม ต้องปรับอารมณ์พอสมควร ทั้งเก่า เถื่อน













 

ห้องน้ำที่ บ้านเทียนหอม นี่ก็สุดๆเลย ทางเข้าจะเป็นรูปดาราเก่า ของใช้เก่า







ทางเข้าห้องน้ำนี้ก็เล็กสุดๆ ขนาดคนตัวเล็กยังตะแคงเข้าลำบาก






ข้างในยังเล็กแคบอีก ดิบ เปลือย เถื่อน เก่า ในที่แคบ


- Posted using BlogPress from my iPad