วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Journey to the toilet in China 4 ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน 4

Journey to the toilet in China 4
ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน 4

เรื่องนี้เขียนขึ้นเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่จะไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีน จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ. ภาพและเนื้อหาบางอย่างเป็นเรื่องไม่น่าอภิรมย์ ผู้ที่ขวัญอ่อน อ่อนไหวในเรื่องนี้โปรดพิจารณาก่อนอ่านชม ภาพบางภาพอาจมีการปรับแต่งลดสีเพื่อความเหมาะสม
 


เช้าวันที่สาม อาม้าวางแผนจะสลัดชิ่งรถเก่าแก่ไร้เครื่องปรับอากาศของอาเฮียเอี้ยงลิ้ม และเฮียบู๋ลิ้ม ด้วยการจ้างรถตู้ตระเวนเยี่ยมญาติเอง จะได้นั่งรถไปคันเดียวกันทั้ง 6 คน แอร์ก็เย็นฉ่ำ ชะรอยสองเฮียจะรู้ทันสั่งเปลี่ยนโปรแกรมกะทันหัน ให้ไปไหว้ เฮียงบู๋ซัววันนี้แทนที่จะไปวันพรุ่งนี้เพราะอาเฮียบอกว่าไหว้แล้วกลับเข้าเมืองซัวเถามันย้อนไปย้อนมา สู้ไหว้วันนี้แล้วตระเวนเยี่ยมญาติในโผวเล้งจะดีกว่า พวกเราเลยต้องนั่งรถแสนเก่าไม่มีแอร์ไป เฮียงบู๋ซัว ร่วมสองชั่วโมง ระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องเมื่อวานเรื่องที่ อาม้าขัดคำสั่งอาหวั่วม่า!


ความช้ำใจ ใจสลายจากการที่รู้ว่าลูกที่อุตส่าห์ฝากญาติสนิทเลี้ยงแต่กลับตาย. กลายเป็นความเจ็บแค้นทำให้ อาหวั่วม่า ย้ำกับอาม้าว่า ถ้าไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีน ห้ามไปเยี่ยมบ้านน้องสามีที่หวั่วม่าเคยฝากลูกไว้ โดยเด็ดขาด แต่อาม้าก็ฝ่าฝืนคำสั่ง.......เพราะญาติบ้านนั้นเป็นช่องทางเดียวที่อาตั่วกู๋จะได้กลับไปไหว้สุสานพ่อที่เสีย และกลับไปยังบ้านเกิดอีกครั้ง ทั้งคนรุ่นเก่า รุ่นหวั่วม่าก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ที่เหลือปัจจุบันเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานที่เขาไม่ได้ก่อไว้

ที่จริงถ้าหวั่วม่ายังอยู่ก็คงไม่ว่าอะไรเพราะสิ่งที่ติดค้างในใจแท้จริงไม่ใช่เรื่องความเจ็บแค้น แต่เป็นเรื่องความรู้สึกผิดบาปต่อลูกคนเล็กมากกว่า

การมาครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของอาตั่วกู๋แล้ว ด้วยวัยกว่าแปดสิบ และต้องฟอกไตทำให้การเดินทางไปที่ไกลๆไม่สะดวก การมาครั้งล่าสุดเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว เห็นสุสานของพ่อตัวเองที่ทำอย่างง่ายๆ ริมทางเดิน คนแทบจะข้ามไปข้ามมา ก็สลดใจเพราะลูกหลานสายตรงก็ไปอยู่เมืองไทยหมด ลูกหลานที่อยู่ที่นี่เขาก็ต้องทำให้สุสานพ่อตัวเองดีไว้ก่อนอยู่แล้ว  ครั้งนี้ตั่วกู๋จึงต้องมาดูสุสานของพ่อให้เห็นกับตาอีกครั้ง เมื่อพบว่าการร้องขอและส่งเงินจากไทยมาสมทบทุนได้ผล ทำให้สุสานของพ่อและปู่ ย่า ได้ย้ายไปอยู่บนเขา ดูดีมาก ก็สบายใจ

เก้าโมงเช้าคณะเราก็มาถึงเมืองเตี้ยเอี้ย ที่ตั้งของ เฮียงบู๋ซัว ซึ่งทุลักทุเลหน่อยเพราะฝนตกหนัก



ผมได้ยินชื่อ เฮียงบู๋ซัว หรือศาลเจ้าพ่อเสือมานานแล้ว เพราะทุกครั้งที่อาม้าประสบเหตุยุ่งยากไม่ว่าในเรื่องอะไร อาม้าจะขึ้นไปบนดาดฟ้าไหว้ขอพรจากเฮียงบู๋ซัว ก็จะประสบความสำเร็จ ทำให้อาม้าต้องกลับมาไหว้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมญาติ ทั้งที่ไกลกันคนละเมือง  มีคนรู้จักบางคนยิ่งกว่าอาม้าอีก มาไหว้เฉพาะที่นี่ทุกปี ไหว้เสร็จกลับเลย เพราะเขาเคยขอพรตอนที่เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ ว่าถ้าเขาร่ำรวยเขาจะกลับมาไหว้ทุกปี



อาม้าไม่ได้บนบานให้ตัวเองคนเดียว ยังบนบานเผื่อผมด้วย ซึ่งภายหลังได้ตามประสงค์ ผมจึงต้องมาอธิษฐานและทำบุญตามที่บนบานไว้  ในวัดมีเทพเจ้าหลายองค์มากเลยเดาว่าเป็นองค์ใหญ่ที่สุดองค์นี้แน่ แต่อาม้าว่าไม่ใช่ องค์ใหญ่เป็นองค์ที่สร้างใหม่เมื่อร้อยกว่าปีมานี้เอง เพราะวิหารองค์เก่าแก่คับแคบไม่พอรองรับผู้คนที่หลั่งไหลมาไหว้



องค์ต้นฉบับเป็นองค์เล็กๆอยู่ในห้องที่ไม่กว้างมากนักแต่องค์นี้เขาว่ามีอายุมากกว่า 400 ปีแล้ว


ก่อนลาจากเมืองนี้ซึ่งต้องเดินทางกลับอีกสองชั่วโมงก็ขอเข้าห้องน้ำก่อน ได้ยินเรื่องห้องน้ำสยองจิวจ่ายโกวของอาม้าแล้ว ลองเทียบบัญญัติไตรยางค์ดู ขนาดจิวจ้ายโกว สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังยังสยองขนาดนี้ แล้วที่นี่จะขนาดไหน



ผิดคาดอย่างแรงครับ ออกจะกว้างขวาง สะอาดกว่าส้วมบางที่ตามวัดต่างจังหวัดในบ้านเราเสียอีก



ภายในห้องก็เป็นแบบนั่งยองตามมาตรฐานเมืองจีน แต่อาม้าบอกว่าห้องน้ำหญิงมีบางส่วนเป็นส้วมชักโครกด้วย ซึ่งผมไม่ได้สำรวจทุกห้อง ห้องน้ำชายก็อาจจะมี นับว่าผมมายุคที่เขาพัฒนาขึ้นมากแล้ว เอ...หรือว่าเมืองจีนเขาจะพัฒนาแล้วหว่า มาสามวันแล้วยังไม่เจอจังๆเลย 



บทความตอนที่แล้ว


Ek Feng Shui: Journey to the toilet in China 3 ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน 3

Ek Feng Shui: Journey to the toilet in China 2 ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน 2


Ek Feng Shui: Journey to the toilet in China part 1ท่องไปตามห้องส้วมเมืองจีน ตอนที่ 1

1 ความคิดเห็น: