การยึดติดของคนเรานั้นมันฝังลึกจริงๆ บางคนยึดติด keyboard ของคอม PC. ในขณะที่บางคนเป็นประเภทเสพติด Flash Drive (หรือที่หลายคนเรียก Handy Drive, Thumb Drive, USB Drive) การที่ iPad ไม่มีอุปกรณ์ประเภทนี้ถึงกับอึ้ง..จะทำงานทำการอย่างไรล่ะทีนี้
นับเรื่องกังวลสุด classic ของคนที่จะซื้อ iPad เรื่องหนึ่งคือการต่อออก flash drive ไม่ได้ หรือต่อได้ก็ต้องมาเจลเบรค วุ่นวายอีกยกหนึ่ง
ผมมานั่งนึกๆว่าดูว่าวันวันหนึ่งผมจะใช้ flash drive ใส่ file อะไรกับ iPad บ้าง.......รูปภาพ. หมดปัญหาเพราะสามารถแชร์และเก็บรูปใน picasa, facebook ,photo bucket อยู่แล้ว ที่เหลือก็เป็นพวก file Excel, PowerPoint ,Autocad ที่จะต้องรับจากทีมงาน
อันที่จริงสิ่งที่ได้เปรียบมหันต์ของ iPad คือการต่อ net ได้ทุกที่ทุกเวลา แล้วไฉนเราจึงต้องไปยึดติดกับอุปกรณ์ offline อย่าง flash drive อีกเล่า
การแชร์ไฟล์แบบ online นั้นเหนือชั้นกว่่าการ copy file แบบ flash drive มากตรงที่ข้อมูลไฟล์ที่รับจากน้องทีมงานนั้นจะ update แบบ realtime!
ลองมาดูผังการใช้งาน dropbox ของผมกัน
นอกจากแชร์ไฟล์ไปมาระหว่างอุปกรณ์ macbook<------>iPad------>iPhone(ปัจจุบันเปลี่ยนไปใช้ Android) ของผมแล้ว ผมยังต้องรับส่ง ตรวจงานของทีมงาน ซึ่งสมัยก่อนใช้วิธี flash drive(กรณี MacBook) หรือว่าส่ง mail ซึ่งต้องรอพิมพ์งานนั้นเสร็จแล้วจึงค่อยส่งข้อมูลมา เช่น ใบเสนอราคา บ่อยครั้งผิดแล้วผิดอีก ต้องส่ง mail ซ้ำหลายรอบ จนmail รกไปหมด
Computer PC เครื่องที่1 ใช้ account dropbox ฝ่ายบัญชี มีหน้าที่ลงต้นทุนโครงการ ผมจึงสั่งให้นำ folder ต้นทุนปี 54 แชร์กับ account dropbox ส่วนตัวของผม ซึ่งข้อมูลต้นทุนจะเคลื่อนไหวแทบจะทุกชั่วโมง ทันทีที่น้องทีมงานkey ข้อมูลต้นทุน dropbox จะซิงค์ข้อมูลกับเครื่อง MacBook ,iPad ,iPhone ของผมโดยอัตโนมัติทำให้ผมตรวจสอบต้นทุนได้ทันท่วงที แม้จะอยู่นอก office
Computer PC เครื่องที่สอง. ใช้ account dropbox ฝ่ายจัดซื้อ ทำหน้าที่ออกใบสั่งซื้อ และพิมพ์ใบเสนอราคา ซึ่งผมสั่งให้ซิงค์เฉพาะข้อมูลของปี 54 ซึ่งยังเคลื่ิอนไหวอยู่ ส่วนปีเก่าๆไม่ต้องเพราะนิ่งแล้ว มิเช่นนั้นจะสิ้นเปลืองเนื้อที่ dropbox
Computer PC เครื่องที่สาม ใช้ account dropbox ฝ่ายออกแบบ ซิงค์ข้อมูลกับ dropbox ของผมกับไฟล์ present PowerPoint ,และ ไฟล์เขียนแบบ auto cad
ทีมงานทั้งสามเครื่องเมื่อมีการทำงานเกิดขึ้น dropbox จะซิงค์ข้อมูลมาที่ account ส่วนตัวของผม แต่ทั้งสามเครื่องจะไม่เห็น folder งานของกันและกัน เพราะแยกคนละ account แต่ถ้าฝ่ายบัญชีมีการ key ข้อมูลสองเครื่องจะใช้ account dropbox เดียวกันเพื่อใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน
อันนี้เป็นหน้าจอ Dropbox ที่ผมเปิดจาก app ใน iPad จะเห็น folder สัญลักษณ์คนจับมือกัน อยู่ 3 folder คือ 1.ต้นทุน ที่มาจาก PC.บัญชี 2. BOQ. มาจากเครื่องของจัดซื้อ 3. Photo Card มาจากเครื่องของฝ่ายออกแบบ
สรุปคือ Dropbox เป็นบริการซิงก์และฝากไฟล์แบบออนไลน์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ฝากอยู่ได้จากทุกๆ ที่ที่มีอินเทอร์เน็ต เมื่อผู้ใช้งานได้ติดตั้งตัวโปรแกรมและจับไฟล์ต่างๆ โยนเข้าไปไว้บนโฟลเดอร์ที่ Dropbox สร้างแล้วมันก็จะถูกดึงไปไว้บนเซอร์เวอร์ของ Dropbox โดยทันที ทีนี้ผู้ใช้งานจึงสามารถเข้าถึงโฟลเดอร์นี้ได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่ได้ติดตั้งโปรแกรม Dropbox ไว้
Dropbox ไม่ยึดติดกับระบบปฎิบัติการใดๆ ใช้ได้ทั้ง Windows, Mac, Linux , iPhone, iPad ไม่ว่าคุณใช้แบบไหนก็ควรมีติดไว้เป็นยาสามัญประจำเครื่อง
นอกจากนั้น ถ้าไม่สะดวกที่จะติดตั้งโปรแกรม ผู้ใช้งานยังสามารถเข้าถึงไฟล์ที่ฝากไว้ผ่านทางเวบไซต์ Dropbox ได้โดยตรงอีกด้วย และที่สำคัญก็คือ ถ้าในขณะที่เรากำลังอัพโหลดไฟล์เข้าโฟลเดอร์ Dropbox อยู่แล้วอินเทอร์เน็ตเกิดหลุดขึ้นมา ทางโปรแกรมจะทำการ resume การอัพโหลดให้ใหม่โดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
ถ้าเห็นว่าบทความนี้พอมีประโยชน์ และเริ่มสนใจ dropbox ก็รบกวนสมัครตาม link นี้เลยนะครับ
http://db.tt/wm0kswV
สมัคร Dropbox คลิกที่นี่
เมื่อคุณสมัครเสร็จและลงโปรแกรม dropbox บนเครื่อง computer ของคุณ ผมและคุณจะได้พื้นที่เพิ่มคนละ 250 MB จากพื้นที่ 2 GB เดิมที่ dropbox ให้ฟรีมาอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณอยากได้พื้นที่เพิ่มอีกก็ส่งเมลล์ หรือ link ชักชวนเพื่อนมาสมัคร dropbox ต่อๆไป เขาก็จะให้ค่าแนะนำครั้งละ 250 GB
(รู้สึกเหมือนชาวขายตรงตงิดๆ) แต่สูงสุดไม่เกิิน 8 GB ถ้าอยากได้มากกว่านั้นต้องเสียเงินครับ สำหรับชุมชนชาว iPad 8 GB ก็เหลือเฟือแล้ว 
บทความตอนต่อของ Dropbox
| |||||||||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น