วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

Dear friends who eat your own blood ถึงเพื่อนผู้กินเลือดตัวเอง

Dear friends who eat your own blood
ถึงเพื่อนผู้กินเลือดตัวเอง





เมื่อวานคุณ "พิเรน" เพื่อนซี้ดันเบี้ยวนัด ถ้าไม่ป่วย นอนซม จริงๆ พิเรนคงไม่พลาด เพราะมีโปรแกรม iPad เด็ดๆ รอให้พิเรนดูดใช้อยู่ เหตุนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านเจอ


เพื่อนๆในวัยใกล้สี่สิบผู้กำลังทำงาน ก้มหน้าเขียนแบบ เงยหน้าจ้องคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณ.......


เพื่อนๆเคยเห็นหมีขั้วโลกไหม รู้ไหมว่ามันเป็นหนึ่งในสัตว์กินเนื้อที่ขนาดใหญ่ที่สุด อาศัยอยู่ขั้วโลกเหนือซึ่งแทบจะไม่มีศัตรูคุกคามมันเลย จะมีก็แต่มนุษย์นี่ล่ะ ที่เป็นอริ เป็นภัยกับสัตว์ทั่วโลก ที่ขั้วโลกเหนือทั้งหนาวเย็นห่างไกลก็ยังอุตส่าห์มีมนุษย์มาอาศัย พวกเอสกิโม ไงล่ะ


แม้นมนุษย์จะมีอาวุธที่ต่อสู้กับหมีได้ แต่คงไม่ง่าย กว่าจะชนะได้คงต้องออกแรง หืดจับแน่ มนุษย์จึงใช้สิ่งที่บุญบารมีที่สะสมจากชาติปางก่อนให้มานั่นคือ "ปัญญา"


ระหว่างที่หมีขั้วโลกตัวหนึ่งกำลังเอร็ดอร่อยกับการดูดกินเลือดแมวน้ำในปาก มันหารู้ไม่ว่าเป็นเลือดแมวน้ำที่มนุษย์จงใจ บรรจงทำขึ้นมาเป็น ไอศครีมเลือด เพื่อล่อมันโดยเฉพาะ เพราะรู้ว่ามันมีจมูกที่ไวกับเลือดแมวน้ำมากเขาจึงสอดใส่มีดปลายแหลมสองข้างไว้เป็นด้ามไอศครีม


ตอนนี้เลือดแมวน้ำหมดจากด้ามไปนานแล้วแต่หมีก็ยังได้ลิ้มรสเลือดอยู่ แต่เป็นเลือดของมันเอง ใบมีดได้กรีดลงบนลิ้นและเพดานปากที่เย็นชาจากความเย็นของขั้วโลก.


........และมนุษย์ก็ฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย...........

ผมว่าตอนนี้เพื่อนๆผมผู้ใช้ร่างกายทำงานมาหลายปี บางคนเริ่มตาเสีย บางคนเริ่มหลังเสีย บางคนเสียทั้งตาและหลัง ก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าไม่ต่างจากหมีที่กำลังกินเลือดตัวเองอยู่ จนต้องล้มลงวันหนึ่งและต้องใช้เงินที่หามาทั้งชีวิตกับการรักษาตัว


ถึงตอนนี้ผมก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมในพระธรรมจึงให้ความสำคัญกับ ปัญญาควบคู่กันกับการพิจารณา เพราะแม้มนุษย์จะมีปัญญามาก แต่ทุกวันนี้เรากลับขาดการพิจารณา พิจารณาการทำงาน พิจารณาการนั่ง พิจารณาการเดิน จนถึงการพิจารณาทุกลมหายใจ......


.............เพื่อนๆเอ๋ย วันนี้คุณดื่มเลือดตัวเองแล้วอยู่หรือเปล่า


2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25 มีนาคม 2554 เวลา 07:10

    เยี่ยมครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ25 เมษายน 2554 เวลา 05:29

    ชอบครับ มันเป็นสัจจธรรมของโลก เมื่อได้สิ่งหนึ่งย่อมเสียอีกสิ่งหนึ่ง ขึ้นอยู่กับใจที่ยอมรับมัน สติจะเกิด เมื่อปัญญาได้ผ่านการพินิจพิจารณาแล้ว ซึ่งเมื่อเราไม่ลืมตัวตน และ ยึดมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเกินไป แสงสว่างแห่งปัญญา ย่อมนำพาแสงสว่างนำทางชีวิตเรา....จากจุลจักรวาล

    ตอบลบ